เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ เคล็ดลับที่ไม่ลับ อยากรู้ต้องอ่านดูจะรู้เรื่องจริง
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ หลายท่านก็คงอยากจะรู้ว่า เมื่อไหร่แบตเตอรี่รถยนต์ของท่านนั้นเสีย และจะต้องเปลี่ยน เรามาเคล็ดลับมาบอกด้วยวิธีง่ายๆ 080-963-6661082-965-4446เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ เคล็ดลับง่ายๆ
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ เป็นคำถามที่ดูง่ายมาก. แต่คำตอบนี่แสนยากนะคับ. บางท่านก็ใช้ความรู้สึกตอบ. บางท่านก็ใช้ความชำนาญที่มีมาแต่เก่าแก่ตอบ บางทางก็อวดฉลาดตอบ. เรามีเทคนิคมาบอกท่านว่า เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์. ครั้งหนึ่งเมื่อท่านมาถึงรถยนต์แล้วปรากฏว่ารถยนต์สตาร์ทไม่ติด ท่านควรทำอย่างไร? คำตอบง่ายนิดเดียวครับโทรหาเราแบตเตอรี่โชคบัญชา 082-965-4446 หรือ 080-963-6661. เราพร้อมให้คำปรึกษาที่ถูกต้องตรงประเด็นชัดเจน. ไม่ต้องเสียเวลาที่จะงมกับปัญหาที่คิดไม่ตก. หรือบางท่านอาจสงสัยว่าอาการสตาร์ทไม่ติดมาจากสาเหตุอะไร. มาจากแบตเตอรี่เสื่อมหรือเปล่า. เรามีคำตอบให้ท่านได้กระจ่างว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์หรือแบตเตอรี่เสื่อมนั้นดูกันอย่างไรดังนี้.
เคล็ดลับ เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมหรือแบตเตอรี่รถยนต์หมด. การสังเกตว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมหรือหมดนั้นมันง่ายนิดเดียวสำหรับผู้เชียวชาญ. แต่เรามีเทคนิคมาบอกท่านว่าการสังเกตว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือไม่นั้นหลักการดูมีอย่างไร.
1.ดูจากการเอามือไปสัมผัสข้างๆของแบตเตอรี่รถยนต์ว่าบวมหรือไม่. ถ้าปรากฏว่าบวมและท่านไม่สามารถสตาร์ทรถได้. 90% ของความเป็นไปได้คือแบตเตอรี่รถยนต์ลูกนั้นเสื่อมแน่นอน. อาการบวมของแบตเตอรี่สามารถจำแนกได้จากสาเหตุดังนี้.
- อันดับแรกถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั้น หรือกึ่งแห้ง ถ้าท่านเคยลืมเติมน้ำกลั่นไม่ว่าแบตเตอรี่ลูกนั้นท่านจะใช้มานานเพียงใดแผ่นธาตุในแบตเตอรี่ลูกนั้นจะเกิดอาการบิดตัวและแตกร่วงลงมาซ้อนกันจึงทำให้แบตเตอรี่บวมแล้วก็เก็บไฟไม่อยู่ แต่ถ้าแบตเตอรี่ลูกนั้นใช้งานมานานเกิน 1 ปี 6 เดือนแล้วเกิดอาการบวมนั่นหมายความว่าแบตเตอรี่ที่ท่านใช้หมดสภาพแล้ว
- อันดับที่สองถ้าแบตเตอรี่ลูกนั้นที่ท่านใช้มาเพียง 2-6 เดือนแล้วเกิดอาการบวม สาเหตุของการบวมเกิดจากไดชาร์จที่ผลิตกระแสไฟป้อนระบบรถยนต์ไม่เพียงพอและเหลือกำลังกระแสไฟน้อยกว่า 13.6 โวลต์ที่จะต้องไหลกลับไปชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ทำไมไดชาร์จที่จ่ายกระแสไฟต่ำกว่า 13.6 โวลต์ทำให้แบตเตอรี่บวม ศัพท์ทางเทคนิคเขาเรียกว่า Under Charge ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ต้องการไฟที่ชาร์จเข้าสูงกว่ากระแสไฟที่ตัวแบตเตอรี่เองมีอยู่ 1โวลต์เสมอ (ตัวแบตเตอรี่มีไฟอยู่ที่ 12.6 โวลต์) ดังนั้นเมื่อไฟที่ไดชาร์จส่งไปที่แบตเตอรี่ต่ำเกินไปจึงทำให้เกิด ขี้เกลือขึ้นในแบตเตอรี่หรือที่เราเรียกกันว่าคราบซัลเฟต คราบเหล่านี้จะไปเกาะตัวที่แผ่นธาตุข้างในของแบตเตอรี่และจะเป็นฉนวนกันไฟไม่ให้เดินสะดวกและแบตเตอรี่ก็บวม
2.ดูที่วันที่ในการติดตั้ง สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานในกรุงเทพฯทุกวันและวิ่งเฉลี่ยประมาณวันละ 50 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยแล้วท่านจะสามารถใช้แบตเตอรี่รถยนต์ลูกนั้นได้ประมาณ 1 ปี 8 เดือน หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตรในสภาวะรถติดสำหรับรถยนต์ญี่ปุ่น (แบตเตอรี่ที่ท่านใช้จะต้องใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมป์รองรับกับขนาดของเครื่องยนต์ได้) และสำหรับรถยนต์ยุโรปจะใช้ได้ประมาณ 2ปี 6เดือน หรือประมาณ 70,000 กิโลเมตร
3.สำหรับท่านที่ใช้แบตเตอรี่รถยนต์ที่มีสถานะตาแมวบนแบตเตอรี่และไม่เข้าข่ายจาก 2ข้อข้างต้นให้คาดเดาเลยว่าท่านคงลืมเปิดไฟภายในรถหรือนอกรถยนต์ทิ้งเอาไว้ โดยดูได้จากสถานะของตาแมว ถ้าตาแมวมีสีขาวสำหรับแบตเตอรี่ยี่ห้อ GS, 3K และ Panasonic นั่นหมายถึงแบตเตอรี่แค่ไฟหมดไม่ได้หมายถึงแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ และสำหรับยี่ห้อ Puma และ Bosch ถ้าตาแมวมีสถานะสีดำแสดงว่าแบตเตอรี่ลูกนั้นแค่ไฟหมดไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่เสื่อม หรือท่านสามารถอ่านฉลากแสดงความหมายของสถานะตาแมวที่ปิดฉลากอยู่บนแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวท่านเอง.
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ สรุปรวม
มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณแล้ว สัญญาณที่พบบ่อย ได้แก่ :
- หากเครื่องยนต์ของคุณสตาร์ทช้าหรือมีเสียงคลิกเมื่อคุณพยายามสตาร์ท อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ของคุณเหลือน้อยและจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่
- หากไฟหน้าดูหรี่ลงกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดและไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะให้แสงสว่างเพียงพอ
- หากไฟเตือนแบตเตอรี่บนแผงหน้าปัดสว่างขึ้น แสดงว่ามีปัญหากับแบตเตอรี่หรือระบบการชาร์จ
- การกัดกร่อนของขั้วแบตเตอรี่สามารถลดกระแสไฟและทำให้แบตเตอรี่อ่อนลงได้ ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอในการสตาร์ทรถในที่สุด
- หากแบตเตอรี่ของคุณมีอายุมากกว่าสามถึงห้าปี แบตเตอรี่อาจหมดอายุการใช้งานและอาจต้องเปลี่ยนใหม่
- หากอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ของคุณ เช่น วิทยุหรือกระจกไฟฟ้าทำงานผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ให้พลังงานไม่เพียงพอ
- หากคุณพบอาการเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ หากจำเป็น ศูนย์บริการรถยนต์และร้านค้าปลีกแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ให้บริการทดสอบแบตเตอรี่ฟรี